ความรู้ทั่วไป เรื่องแคน
นักวิชาการด้านมานุษยดุริยางควิทยา
จำแนกเครื่องดนตรีจำพวกแคนไว้ในกลุ่มเครื่องลม (Aerophone) ชนิดที่มีเสียงลิ้นอิสระ เสียงแคนเกิดจากการเป่า
และการดูดกระแสลมผ่านลิ้นโลหะที่ฝังอยู่ในรูบากข้างลำท่อ ลิ้นแคนลิ้นเดิมให้เสียงระดับเดิมทั้งขาเป่า
และขาดูดกระแสลมผ่าน จึงเรียกว่าเป็นลิ้นแบบอิสระ ดังกล่าวแล้ว
![]() |
พ่อเปลื้อง ฉายรัศมี |
การเป่าแคนใช้มือทั้งสองข้าง
ใช้นิ้วทั้งสิบนิ้ว ผู้เป่าควบคุมระดับเสียงของลูกแคนได้ ด้วยการขยับปลายนิ้วมือทั้งสองข้างปิดเปิดรูนับ
ซึ่งเจาะไว้ที่ส่วนเหนือเต้าของลูกแคนทุกลูก ลูกใดถูกปิดรู ลูกนั้นจะส่งเสียง นั่นคือ
ใช้นิ้วบังคับระดับเสียง ใช้ลมบังคับเสียงและจังหวะ ตามอารมณ์ลายเพลง เสียงแคนที่ออกมานั้น
มีทั้งทำนองเพลง เสียงประสาน เสียงสอดแทรก แสดงถึงอารมณ์ และความรู้สึกต่าง ๆ
อย่างพร้อมมูลทีเดียว .....เป็นเครื่องดนตรีที่ไม่สามารถใช้ อุปกรณ์อีเลกทรอนิกส์
เลียนเสียงได้เหมือน เพราะอุปกรณ์อีเลกทรอนิกส์ ให้อารมณ์เพลงไม่ได้
ยิ่งถ้าได้หมอแคนที่มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญมากๆ มาเป่าแคน
ยิ่งจะเพิ่มความไพเราะ ซาบซึ้งจับใจมากยิ่งขึ้น ฟังแล้ว เกิดความรู้สึกที่เรียกว่า
“ ออนซอน ” ยากที่จะหาเครื่องดนตรีอื่น
ๆ มาเทียบได้นักดนตรีชาวไทยเรียกแคน
1 เครื่องว่า “แคน
1 เต้า” ....ในขณะที่นักดนตรีชาวลาว
เรียกว่า “แคน 1 ดวง” แคนเต้าหนึ่งประกอบด้วยลูกแคนหลายลูก ลูกแคนต่างลูก ให้เสียงต่างระดับกัน ระบบเสียงของแคน
จึงขึ้นอยู่กับระดับเสียงต่างๆ ของลูกแคนที่รวมอยู่ในแคนแต่ละเต้า
แคนทำจากไม้เฮี้ยน้อย
ซึ่งช่างแคนไทยเรียกว่าไม้กู่แคน เกิดเสียงได้เพราะมีลิ้นโลหะติดอยู่ที่รอยเจาะข้างลำท่อลูกแคนลูกละลิ้น
ลูกแคนแต่ละลูกมีระดับเสียงต่างกัน
เพราะมีระยะห่างระว่างลิ้นกับรูแพวไม่เท่ากัน... รูแพวคือรูเสียงเจาะไว้ 2 รู เหนือและล่างลูกแคน ลูกแคนของแคน 1 เต้า
จะถูกจัดเป็น 2 แพ สอดเรียงไว้ในเต้าแคน
ผนึกส่วนที่ฝังลิ้นไว้ในเต้าแคน ด้วยขี้สูด มัดปลายแพลูกแคนที่โผล่ออกนอกเต้าทั้งด้านบนและด้านล่าง
ด้วยตอกเครือหญ้านาง หรือตอกหวาย
การจำแนกประเภทของแคน
จำแนกตามจำนวนลูกแคนที่ประกอบรวมกันอยู่ในเต้า มี 5 ประเภท
คือ
แคนหก
มีลูกแคน 6 ลูก (3 คู่)
แคนเจ็ด
มีลูกแคน 7 คู่ (14 ลูก )
แคนแปด
มีลูกแคน 8 คู่ (16 ลูก)
แคนเก้า
มีลูกแคน 9 คู่ (18 ลูก)
แคนสิบ
มีลูกแคน 10 ลูก (5 คู่)
แคนหกมีระดับเสียงอยู่ในมาตราเพนตะโทนิค
(มี 5 โน้ต) นอกนั้น มีระบบเสียงเป็นมาตราไดอะโทนิค (มี 7
โน้ต)
การเรียกบันไดเสียงของแคนแต่ละเต้า
เรียกเป็นตัวเลขบอกจำนวนนิ้วโป้ง โดยยึดเอาลูกแคนเสียง “ลาต่ำ” (motive) เป็นเสียงหลัก
ระยะห่างระหว่างลิ้นแคนกับรูแพว ที่เจาะไว้ส่วนล่างของลูกแคนนี้ วัดได้กี่นิ้วโป้ง
ก็จะใช้เลขจำนวนนั้น เป็นชื่อเรียกบันไดเสียงของแคนทั้งเต้า เช่น ถ้าลูกเสียง “ลาต่ำ” ของแคนเต้าหนึ่ง
วัดระยะห่างระหว่างลิ้นแคนกับรูแพวล่างได้ 7 นิ้วโป้ง
ก็เรียกบันไดเสียงของแคนเต้านั้นว่าเป็น “แคนเจ็ดโป้”
(โป้ เป็นภาษาอีสาน แปลว่านิ้วโป้ง)
เทียบได้กับประมาณบันไดเอไมเนอร์หรือซีเมเจอร์ ของสเกลดนตรีสากล
--------------------------------------------------------------
- ความรู้ทั่วไปเรื่องแคน
- ตำนานกำเนิดแคน
- ส่วนประกอบของแคน
- ประเภทของแคน
- การเก็บและดูแลรักษาแคน
- การเลือกแคน
- คีย์หลักของลายแคน
- เทคนิคการเป่าแคน
- โน้ตลายแคนอีสาน
---------------------------------------------------------------
No comments:
Post a Comment